Table of Content:
- โบท็อกซ์ คืออะไร?
- โบท็อกซ์ ออกฤทธิ์อย่างไร?
- ฉีดโบท็อกซ์ ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?
- สามารถฉีดโบท็อกซ์บริเวณใดได้บ้าง?
- ฉีดโบท็อกซ์ ราคาเท่าไหร่?
- ฉีดโบท็อกซ์อันตรายไหม?
- การฉีดโบท็อกซ์เพื่อผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
- ต้องดูแลตัวเองอย่างไรหลังฉีดโบท็อกซ์
หากพูดถึงวิธีที่จะช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวได้สมใจ “โบท็อกซ์” จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลาย ๆ คนเลือกใช้ เพราะนอกจากจะมีผลรีวิวรับรองมากมายว่า การฉีดโบท็อกซ์ยังสามารถช่วยปรับรูปหน้าได้จริง และยังมีความปลอดภัยสูง ที่สำคัญผู้เข้ารับบริการยังสามารถเลือกชนิดของโบท็อกซ์ได้ตามความต้องการอีกด้วย
นอกจากนี้ โบท็อกซ์ยังมีข้อดีอีกมากมายที่หลาย ๆ คนอาจยังไม่รู้มาก่อน และในวันนี้ กังนัมคลินิกจะขอชวนหนุ่มสาวผู้ที่ต้องการฉีดโบท็อกซ์ทุกคนมาทำความเข้าใจทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวก่อนตัดสินใจไปฉีดโบท็อกซ์ บอกเลยว่า ถ้าอ่านจบแล้ว ทุกคนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประกอบการติดสินใจ จะได้ทำสวยได้อย่างปลอดภัยและเหมาะสมกับตัวเองแน่นอน ว่าแล้วก็ตามอ่านกันเลย!
โบท็อกซ์ คืออะไร?
การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) คือ การนำสาร Botulinum Toxin A ที่สกัดจากแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) มาฉีดเข้าที่ผิวหนังบริเวณใบหน้าเพื่อลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย และปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับตามใจต้องการ ซึ่งผู้ใช้จริงหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โบท็อกซ์นั้นสามารถให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว อีกทั้งยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้มีปัญหาได้เป็นอย่างดี
โบท็อกซ์ ออกฤทธิ์อย่างไร?
เมื่อรู้ว่าโบท็อกซ์ (Botox) คืออะไรกันไปแล้ว สิ่งที่ต้องรู้ต่อไป คือผลลัพธ์เมื่อทำการฉีดโบท็อกซ์ไปแล้ว ว่าสาร Botulinum Toxin A จะออกฤทธิ์และส่งผลกับบริเวณที่ฉีดอย่างไรบ้าง?
เมื่อทำการฉีดโบท็อกซ์ไปแล้ว สาร Botulinum Toxin A จะเข้าไปทำให้เซลล์ประสาทบริเวณกล้ามเนื้อที่ฉีดหยุดหลั่งสารสื่อประสาทออกมาจนทำให้เรารู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวหดตัว ชา และตึงจนไม่สามารถขยับได้ และเมื่อฉีดไปสักครู่ กล้ามเนื้อส่วนที่ฉีดก็จะค่อย ๆ คลายตัวออกมาและทำให้ร่องลึกบนใบหน้าดูจางลง ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ระยะเวลาการเห็นผลจะแตกต่างกันไป ดังนี้
- หลังฉีด 2 – 3 วัน ริ้วรอยเริ่มดูจางลง
- หลังฉีด 7 – 14 วัน ริ้วรอย และร่องลึกเริ่มดูจางลง
และเนื่องจากโบท็อกซ์เป็นสารธรรมชาติที่สกัดจากแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ร่างกายจึงสามารถค่อย ๆ สลายโบท็อกซ์ไปได้เอง เมื่อเวลาผ่านไป 6 – 12 เดือน โดยใช้ระยะเวลาแตกต่างกันไปตามการดูแล และชนิดของโบท็อกซ์ที่เลือกใช้
ฉีดโบท็อกซ์ ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?
นอกจากจะช่วยให้ใบหน้าดูเต่งตึงและลดเลือนริ้วรอยได้แล้ว โบท็อกซ์ยังสามารถช่วยในเรื่องอื่น ๆ ได้เช่นกัน โดยหากสงสัยว่าการฉีดโบท็อกซ์ช่วยอะไรได้อีกบ้าง? กังนัมคลินิกได้รวบรวมผลลัพธ์ที่นอกเหนือจากการลดเลือนริ้วรอยมาฝากกัน ดังนี้
- โบท็อกซ์สามารถช่วยเติมเต็มร่องลึกทุกส่วนบนใบหน้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่องแก้ม
- การฉีดโบท็อกซ์สามารถช่วยยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อย และเพิ่มความเต่งตึงให้กับผิวหนังทันทีหลังทำ โดยไม่ต้องพักฟื้น ต่างจากการทำศัลยกรรมที่ต้องเสียเวลาพักฟื้น และต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล
- การฉีดโบท็อกซ์อาจทำให้รู้สึกเกร็ง ตึง และชาที่ใบหน้าเมื่อเริ่มฉีดก็จริง แต่เมื่อกล้ามเนื้อเริ่มที่จะคลายตัวแล้ว โบท็อกซ์ยังสามารถช่วยปรับลดขนาดกล้ามเนื้อให้ดูเล็ก และอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
สามารถฉีดโบท็อกซ์บริเวณใดได้บ้าง?
นอกจากยี่ห้อและความชำนาญของแพทย์แล้ว บริเวณที่ฉีดก็ส่งผลให้โบท็อกซ์มีราคาที่แตกต่างกันอีกด้วย โดยสามารถฉีดโบท็อกซ์ที่บริเวณต่าง ๆ ได้ดังนี้
- การฉีดโบท็อกซ์นั้นสามารถทำได้กับทุกบริเวณที่มีริ้วรอยและร่องลึก โดยนิยมฉีดในบริเวณที่มีริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ เช่น หน้าผาก ตีนกา และริ้วรอยหางตาที่เกิดจากการยิ้ม เป็นต้น นอกจากนี้ โบท็อกซ์ยังสามารถนำไปฉีดที่บริเวณคิ้วเพื่อช่วยทำให้ดวงตาดูกลมโตและอ่อนวัยมากยิ่งขึ้น
- สำหรับการฉีดโบท็อกซ์ในส่วนของร่องแก้ม ริ้วรอยริมฝีปาก คอ หรือคางนั้น แพทย์อาจสามารถใช้โบท็อกซ์ร่วมกับคอลลาเจน หรือ การทำทรีทเมนต์ด้วยเลเซอร์เพื่อฟื้นฟูสภาพผิว และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้
- สามารถฉีดโบท็อกซ์เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียว โดยจะนิยมฉีดบริเวณแนวขากรรไกรและแก้ม
สำหรับกังนัมคลินิก หนุ่มสาวผู้ต้องการฉีดโบท็อกซ์บริเวณอื่น ๆ สามารถดูข้อมูลการฉีดโบท็อกซ์แต่ละบริเวณได้ที่นี่
- ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม
- ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย
- ฉีดโบท็อกซ์รักแร้
- ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก
- ฉีดโบท็อกซ์หางตา
- ฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้า
- ฉีดโบท็อกซ์หน้าผาก
- ฉีดโบท็อกซ์ยกมุมปาก
ฉีดโบท็อกซ์ ราคาเท่าไหร่?
การฉีดโบท็อกซ์ (ฺBotox) จะมีราคาแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย โดยจะมีการประเมินใบหน้า ลักษณะผิว บริเวณที่ทำ และสอบถามความต้องการของผู้เข้ารับบริการก่อน จากนั้นค่อยเลือกยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่เหมาะสมกับความต้องการ โดยยี่ห้อของโบท็อกซ์จะมีความแตกต่างกันตามประเทศผู้ผลิต ดังนี้
โบท็อกซ์จากสหรัฐอเมริกา
Allergan เป็นโบท็อกซ์ที่พัฒนาและผลิตขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกามาอย่างยาวนาน จึงมีงานวิจัยรองรับจำนวนมาก และผ่านการพัฒนาเพื่อให้ผู้ใช้มีโอกาสดื้อยาน้อยมาก รวมถึงมีการออกฤทธิ์ที่กระจายตัวแคบจึงสามารถควบคุมการฉีดได้อย่างแม่นยำ แต่อาจเกิดข้อผิดพลาดได้ หากไปใช้บริการกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือหมอกระเป๋า เช่น มีปัญหาคิ้วกระดก ยิ้มแข็ง หรือแก้มตอบ เป็นต้น
โบท็อกซ์จากประเทศอังกฤษ
ดิสพอร์ต (Dysport) เป็นโบท็อกซ์ที่ผลิตในประเทศอังกฤษ มีจุดเด่น คือ กระจายตัวได้ดี จึงเหมาะสำหรับใช้กับบริเวณกว้าง เช่น ฉีดลดเหงื่อ ลดต้นแขน ลดน่องปูด
โบท็อกซ์จากประเทศเยอรมนี
ซีโอมิน (Xeomin) เป็นโบท็อกซ์ที่ผลิตในประเทศเยอรมนี มีจุดเด่น คือ มีการนำโปรตีนขนาดใหญ่ที่ไม่จำเป็นออก ทำให้เหลือเฉพาะ Botulinum Toxin A บริสุทธิ์ โมเลกุลเล็ก ที่ฉีดแล้วไม่กระจุกตัวแคบเกินไป และมีงานวิจัยพบว่าได้ผลดีในเคสดื้อยาที่หยุดการฉีดโบท็อกซ์มาแล้วอย่างน้อย 2-3 ปี มีราคาสูงพอ ๆ กับโบท็อกซ์จากอเมริกา
โบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี
นูโรน็อกซ์ (Neuronox) เป็นโบท็อกซ์ที่มีคุณสมบัติค่อนข้างใกล้เคียงกับโบท็อกซ์จากอเมริกา คือมีการกระจายตัวค่อนข้างแม่นยำใกล้เคียงกัน แต่ราคาถูกกว่าประมาณครึ่งหนึ่ง
โบทูแล็กซ์ (Botulax) เป็นโบท็อกซ์ที่ออกฤทธิ์ค่อนข้างไว แต่สลายตัวเร็ว ไม่ค่อยคงทนนัก แต่มีราคาที่ถูก
นาโบตะ (Nabota) เป็นโบท็อกซ์ที่ยี่ห้อพรีเมียมที่ผลิตในประเทศเกาหลีใต้ มีความบริสุทธิ์สูง ออกฤทธิ์เร็ว เน้นใช้ลดเลือนริ้วรอยที่หน้าผาก หางตา ปรับรูปหน้า ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามดูเล็กลง
ฉีดโบท็อกซ์ อันตรายไหม?
การฉีด Botox นั้น ใช้เวลารักษาเพียงแค่ 5-10 นาทีต่อจุด และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติหลังการฉีดได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้น ซึ่งจะแตกต่างจากการยกกระชับรูปหน้าด้วยการศัลยกรรมที่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน ที่สำคัญยังสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนเมื่อผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ ส่วนผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้ โดยอยู่ได้ประมาณ 4-12 เดือน และจะได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้นเมื่อทำการฉีด Botox ซ้ำ
และหากถามว่าการฉีดโบท็อกซ์นั้นอันตรายไหม สิ่งที่ควรรู้คือ โบท็อกซ์เป็นสารที่องค์กรอาหารและยา หรือ อย. รับรองความปลอดภัย ทั้งของไทย เกาหลี และของสหรัฐอเมริกา อีกทั้งทั่วโลกยังมีการใช้ตัวยานี้อย่างแพร่หลายมานานกว่า 20 ปี โดยมีการศึกษาวิจัยจากสมาคมศัลยกรรมเพื่อความงามจากสหรัฐอเมริการับรองความปลอดภัยและผลลัพธ์ในการรักษาเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ผลลัพธ์และความปลอดภัยในการฉีดจึงจะขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นหลัก การหาสถานที่ฉีดโบท็อกซ์ว่าจะใช้บริการที่ไหนดีจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีรายงานถึงผลข้างเคียงถาวรของการฉีดโบท็อกซ์ แต่ในบางกรณี คนไข้อาจจะมีอาการปวด มีรอยช้ำตรงที่ฉีด หรือปวดหัว ซึ่งจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้นและก็จะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป
ฉีดโบท็อก-ลดกรามให้ปัง – หน้าไม่พัง – ไม่เบี้ยว เป็นยังไง คลิกดูวิดีโอเลย!
การฉีดโบท็อกซ์เพื่อผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
สำหรับหนุ่มสาวที่ต้องการกระชับรูปหน้า แต่ไม่รู้ว่าจะฉีดโบท็อกซ์ดีไหม หรือจะเลือกฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี กังนัมคลินิกพร้อมตอบโจทย์ทุกโจทย์เรื่องกระชับใบหน้าอย่างตรงจุดด้วยโบท็อกซ์ ด้วยเทคนิคเสริมความงามแบบเกาหลี
หลายคนอาจเกิดคำถามว่า ผู้ชายสามารถฉีดโบท็อกซ์ได้เหมือนกันหรือไม่? กังนัมคลินิกขอให้คำตอบว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย กังนัมคลินิกก็มาพร้อมกับเทคนิคการฉีดโบท็อกซ์แบบพิเศษโดยการจับปลายประสาทที่สามารถใช้ได้กับผิวของทุกเพศ ดังนั้นจึงฉีดได้กับทุกเพศโดยไม่มีผลข้างเคียงกับการแสดงอารมณ์ทางสีหน้า และเมื่อหลังฉีดแล้ว กล้ามเนื้อจะผ่อนคลายจนริ้วรอยต่าง ๆ ค่อย ๆ เรียบเนียน ดูกระชับ และเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ต้องดูแลตัวเองอย่างไรหลังฉีดโบท็อกซ์
ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการ นอกจากความเชี่ยวชาญของแพทย์และยี่ห้อโบท็อกซ์แล้ว การดูแลตัวเองให้ดีหลังฉีดก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยให้โบท็อกซ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีวิธีการดูแลตัวเอง และข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกซ์ ดังนี้
1. นอนอย่างถูกวิธี
อย่าลืมว่า โบท็อกซ์จำเป็นต้องใช้เวลาในการทำงานและเซ็ตตัว ดังนั้น หลังฉีดโบท็อกซ์แล้วผู้ฉีดจึงควรเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลตัวเอง โดยเฉพาะในระยะ 3 – 4 ชม. แรกของการฉีด ที่ยังไม่ควรนอน เพราะอาจทำให้โบท็อกซ์ที่ฉีดไหลไปส่วนอื่น และในช่วง 24 ชม. แรกยังห้ามนอนตะแคง ให้นอนหงาย รวมถึงเลือกใช้หมอนหนุนหัวที่สูง
2. ห้ามนวดเด็ดขาด
การนวดถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่อาจทำให้โบท็อกซ์ไหลไปยังบริเวณส่วนอื่นของกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเลือกฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนก็ตาม หลังฉีดแล้วต้องจำไว้ว่า อย่านวด คลึง จับ บีบ กด ใด ๆ ทั้งสิ้น ควรทิ้งเวลาหลังการฉีดอย่างน้อย 7 – 10 ชม.
3. หลีกเลี่ยงความร้อน
ควรเลี่ยงทั้งก่อนฉีดและหลังฉีดโบท็อกซ์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะหากบริเวณที่ฉีดเจอกับความร้อนมาก ๆ บ่อย ๆ ก็อาจทำให้โบท็อกซ์กระจายตัวและสลายเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
4. ประคบเย็น
การประคบเย็นจะช่วยลดอาการบวมแดงในช่วงแรก ๆ ได้ และยังส่งผลให้ใบหน้าเข้ารูปไวจากการอักเสบที่ลดลงอีกด้วย
5. งดสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่มีส่วนทำให้โบท็อกซ์เสื่อมคุณภาพเร็ว ดังนั้นผู้ฉีดควรงดเป็นอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังฉีด
สุดท้ายนี้ กังนัมคลินิกหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความรู้ที่นำมาฝากจะช่วยให้ทุกคนที่สนใจฉีดโบท็อกซ์ได้มีความรู้และความเข้าใจเพียงพอที่จะเลือกคลินิกฉีดโบท็อกซ์ที่ปลอดภัย รวมถึงเลือกโบท็อกซ์ที่เหมาะสมกับความต้องการของตัวเองได้
แต่ถ้าหากใครกำลังมองหาคลินิกฉีดโบท็อกซ์ใจกลางกรุงเทพฯ ที่ไหนดีที่จะมาพร้อมกับบริการที่ปลอดภัย ราคาไม่แพง และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยกำกับดูแลทุกขั้นตอนตั้งแต่การตรวจไปถึงรักษาตัว กังนัมคลินิกเป็นคลินิกฉีดโบท็อกซ์ที่จะสามารถช่วยคุณตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการด้วยเทคโนโลยีและเทคนิคพิเศษจากประเทศเกาหลี สามารถติดต่อขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- โทรศัพท์ 090-665-3616, 098-269-7450
- Email: gangnamclinicthailand@gmail.com
- Line: @gangnamclinic
ด่วน! โปรโมชั่นพิเศษมีจำนวนจำกัด สามารถติดต่อรับโปรโมชั่นพิเศษกับคุณหมอได้โดยตรง!